เนื่องด้วยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่เกิดไฟป่าเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบกับคุณภาพอากาศในตัวเมืองเชียงใหม่และรอบๆ เป็นอย่างมาก ทางอุทยานแห่งชาติจึงมีมาตรการปิดเขตอุทยานในระหว่างเดือนดังกล่าว ชาวเดินป่า วิ่งเทรลในเชียงใหม่จึงต้องหาเส้นทางใหม่ๆ ที่ไม่ต้องผ่านเขตอุทยาน เช่น เส้นทางห้วยตึงเฒ่าสู่ขุนช้างเคี่ยนเป็นต้น แต่สำหรับตัวผู้เขียนเองก็ต้องการหาเส้นทางใหม่ๆ เช่นกัน ประกอบกับภรรยาที่กำลังเริ่มเดินป่าจึงมีโจทย์ในการหาเส้นทางที่ไม่ชันมาก ระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร และ มีร่มเงาไม่มีแสงแดดทำลายผิว ….
นั่นเป็นที่มาของการเดินทางสู่แม่ขนิลเหนือเพื่อลุยน้ำ ชมสวนอะโวคาโด้ ดูช้างและควายๆ
เส้นทางนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางในการแข่ง แม่ขนิลครอสคันทรี่เทรล อีกด้วย
การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ (สนามบินเชียงใหม่) ใช้เวลาเดินทางมาที่แม่ขนิลเหนือโดยรถยนต์ประมาณ 45 นาที เราจอดรถไว้ที่ภูขนิลซึ่งเป็นศูนย์ให้ความรู้ในการปลูกอะโวคาโด้ของหมู่บ้าน จากนั้นเดินบนถนนคอนกรีตของหมู่บ้านสู่บริเวณสวนอะโวคาโด้ มุ่งสู่ทุ่งเริง
เส้นทาง
การเดินทางของเราในครั้งนี้จะเดินในทิศทางตามเข็มนาฬิกาออกจากหมู่บ้านแม่ขนิลเหนือ สู่หมู่บ้านทุ่งเริ่งบนถนนของหมู่บ้าน ผ่านพื้นที่สวนอะโวคาโด้ รวมเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จากนั้นลงสู่บริเวณลุ่มน้ำเดินลัดแม่น้ำไปมา ผ่านบริเวณที่เลี้ยงช้างและเลี้ยงควายของชาวบ้าน กลับสู่จุดเริ่มต้น รวมระยะทางทั้งหมด 10 กิโลเมตรพอดีๆ
ช่วง 5 กิโลเมตรแรก
ครึ่งแรกของเส้นทางจะมีเนินเขาบ้างพอให้ได้ออกกำลังแก้เบื่อ มีชาวสวนผ่านไปมาโดยพอจะดูออกว่าเค้าเคยชินกับชาวเทรลที่แต่งตัวประหลาดๆ กันแล้วพอสมควร ไฮไลท์ของครึ่งแรกก็คือสวนอะโวคาโด้ การเดินทางของเราอยู่ในช่วงที่ต้นอะโวคาโด้กำลังออกดอกและมีผลให้เป็นเล็กๆ (เดือนกุมภาพันธ์)
ช่วง 5-10 กิโลเมตร
หลังจากที่เดินลงสู่บริเวณลุ่มน้ำก็จะรู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำ หากใครไม่แน่ใจว่าจะเดินลงน้ำดีมั้ย จะข้ามน้ำอย่างไร เราแนะนำว่าเลิกคิดได้เลยครับ เพราะว่าคุณจะต้องลุยน้ำเพื่อไปถึงจุดหมายของเรา จุดที่ผ่านแม่น้ำไม่มีจุดไหนเลยที่สามารถกระโดดข้ามได้
เมื่อคุณเดินลุยน้ำกันอย่างเพลิดเพลินแล้วจะเข้าสู่บริเวณที่เลี้ยงควายของชาวบ้าน ชาวบ้านเค้าเล่าให้ฟังมาว่าทางหมู่บ้านเค้าช่วยกันเลี้ยง โดยรวบรวมเอาควายของแต่ละคนมาอยู่ด้วยกันและต้องการคนเลี้ยงเพียง 1-2 ต่อวัน
จากควายก็จะเป็นช้าง ไฮไลท์สุดท้ายก่อนกลับไปที่รถของเราก็จะเป็นฟาร์มช้างนั่นเอง ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเราคงจะได้เห็นเหล่าช้างเดินไปเดินมากันมากมาย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้เราเห็นช้างเพียง 1-2 เชือกอยู่ในบริเวณฟาร์ม
แม่น้ำร้อยสาย
เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง รู้ได้เลยทันทีว่าทำไมถึงได้ชื่อนี้มา จริงๆ แล้วเราก็เดินเรียบแม่น้ำแม่ขนิลเส้นเดียวนี่แหละครับ แต่เทรลของเราจะตัดกับแม่น้ำ (หรือลำธาร) ไปมาๆ นั่นเอง
รองเท้าที่แนะนำ - จากที่ได้เดินในเส้นทางนี้ 2 ครั้งโดยครั้งแรกใส่รองเท้าเทรลปกติ และครั้งที่สองใส่รองเท้าแตะ Teva โดยส่วนตัวคิดว่าสามารถใช้ได้ทั้งสองขึ้นอยู่กับความชอบ
รองเท้าเทรลปกติ
ข้อดี : รองเท้าเทรลปกติจะปกป้องเท้าเราได้เป็นอย่างดีในขณะที่เดินในน้ำ รวมทั้งไม่มีทรายหรือกรวดก้อนเล็กเข้ามาในรองเท้าสร้างความรำคาญหรืออาจะทำให้เป็นแผลได้เหมือนรองเท้าแตะ
ข้อเสีย : แน่นอนครับว่าถ้ารองเท้าของเราไม่มีรูระบายน้ำก็จะแห้งยาก ซึ่งจะมีผลเสียเป็นอย่างมากหากเราต้องวิ่งหรือเดินบนทางถนนต่อเป็นระยะเวลานาน การใช้ถุงเท้าที่แห้งเราอาจจะเป็นการช่วยได้ระดับหนึ่ง
รองเท้าแตะ
ข้อดี :แห้งเร็ว
ข้อเสีย : มีโอกาสที่เราจะเตะหินไม่ว่าจะบนบกหรือในน้ำ รวมทั้งตลอดเส้นทางมักจะมีกรวดเล็กๆ เข้ามาในรองเท้าตลอดเวลาจนทำให้เท้าบางจุดเป็นแผล ส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อหรืออักเสบหากเจอเชื้อโรคในน้ำ ดังนั้นหลักจากขึ้นจากน้ำแล้วควรล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดทันที (ในน้ำที่ดูใสๆ ไม่สามารถทราบได้ว่ามีเชื้อโรคหรือแบคทีเรียอะไรบ้าง โดยเฉพาะเป็นบริเวณที่มีการเลี้ยงสัตว์จำนวนมาก)
ข้อมูล
ระยะทาง 10 กิโลเมตร
Elevation gain 400 เมตร
จุดเริ่มต้น https://goo.gl/maps/Kyi2Am2Mqb5rLKFe7
ดาวน์โหลดไฟล์ GPX 👇
แผนที่
หวังว่าเส้นทางนี้จะเหมาะกับคนที่อยากเดินชิลๆ ดูไฮไลท์ต่างๆ ริมทาง ไม่เหนื่อยมากนัก เราแนะนำให้เริ่มต้นเดินแต่เช้า และเดินวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อที่จะได้เข้าสู่บริเวณร่มไม้ในลำธารหลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว